วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

เรื่องราวที่สนใจ

JESSICA JUNG PROFILE

เจสสิกา ช็อง (อักษรโรมัน: Jessica Jung; เกิด 18 เมษายน 1989) ชื่อจริงว่า ช็อง ซู-ย็อน (อักษรโรมัน: Jung Soo-yeon) เป็นชาวเกาหลีอเมริกันซึ่งเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้น นักแสดง นางแบบ นักออกแบบสมัยนิยม และอดีตสมาชิกวงดนตรีหญิงเกิลส์เจเนอเรชัน เจสสิกาเกิดและเติบโตในซานฟรานซิสโกแคลิฟอร์เนีย และย้ายมาอยู่เกาหลีใต้ตั้งแต่อายุได้ 11 ปี จึงสันทัดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลี
เจสสิกาเกิดในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนียณ โรงพยาบาลเดียวกับทิฟฟานีซึ่งต่อมาเป็นเพื่อนร่วมวงเกิลส์เจเนอเรชัน เธออาศัยในซานฟรานซิสโกแล้วย้ายมาเกาหลีใต้เมื่ออายุได้ 11 ปี 
เจสสิกามีน้องสาวหนึ่งคน ชื่อว่า ช็อง ซู-จ็อง หรือ คริสตัล แห่งวงเอฟ(เอกซ์)
เจสสิกาได้รับการฝึกฝนเป็นเวลา 7 ปีก่อนจะได้เข้าเป็นสมาชิกเกิลส์เจเนอเรชันของเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2007 และมีสมาชิก 9 คน
ในเดือนกันยายน 2014 เจสสิกาประกาศบนเว็บไซต์ส่วนตัวว่า เธอถูกถอดจากวงแล้ว ภายหลังเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ยืนยันเรื่องนี้และกล่าวว่า และบริษัทจะดำเนินวงต่อไปโดยมีสมาชิก 8 คน ส่วนเจสสิกาจะเป็นศิลปินเดี่ยวต่อมาในเดือนสิงหาคม 2015 ทางเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ก็ได้ประกาศว่าเธอได้พ้นจากการเป็นศิลปินในสังกัดแล้ว
นอกจากผลงานกับวงเกิลส์เจเนอเรชันแล้ว เจสสิกาออกซิลเกิล 2 ชุดกับซอฮย็อนและทิฟฟานีเพื่อนร่วมรวง คือ "เลิฟเฮต" (오빠 나빠; Love Hate)[6] กับ "มาบีนองี (อิตส์แฟนแทสติก!)" (Mabinogi (It's Fantastic!))[7] เจสสิกายังร่วมกับวง 8Eight ในเพลง "ไอเลิฟยู" (I Love You) ซึ่งออกเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2008
วันที่ 13 ตุลาคม 2010 เจสสิกาออกซิงเกิลของตัวเองชื่อ "สวีตดีไลต์" (Sweet Delight) ในปี 2011 เธอร้องเพลง "บีคอสเทียส์อาร์โอเวอร์โฟลวิง" (눈물이 넘쳐서; Because Tears Are Overflowing) ประกอบละครเรื่อง โรแมนซ์ทาวน์ (Romance Town) ของสถานีเคบีเอส ในปี 2012 เธอร้องเพลง "วอตทูดู" (What To Do) ประกอบละคร ไวลด์โรแมนซ์ (Wild Romance) ร้องเพลง "บัตเตอร์ฟลาย" (Butterfly) ประกอบละคร ทูเดอะบิวตีฟูลยู (To The Beautiful You) ร้องเพลง "ฮาร์ตโรด" (Heart Road) ประกอบละคร เดอะคิงส์ดรีม (The King's Dream) และร้องเพลง "มายไลฟ์สไตล์" (My Lifestyle) ประกอบโฆษณาของฮุนได
ในปี 2013 เธอร้องเพลง "เดอะวันไลก์ยู" (The One Like You) ประกอบละครเรื่อง เดตติงเอเจนซี: คีราโน (Dating Agency: Cyrano) และในปี 2014 เธอร้องเพลง "เซย์เยส" (Say Yes) กับคริสตัลน้องสาว และคริสวงเอกโซ ประกอบภาพยนตร์เรื่อง เมกยัวร์มูฟ (Make Your Move)
เจสสิกาเริ่มการแสดงด้วยละครเพลงเรื่อง ลีกอลลีบลอนด์ (Legally Blonde) ซึ่งเปิดรอบแรกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2009 ต่อมาในเดือนมีนาคม 2010 เจสสิกาได้ปรากฏตัวชั่วครู่ในละคร โอ! มายเลดี (Oh! My Lady) ของสถานีเอสบีเอส
ในปี 2012 เจสสิกาได้แสดงเป็นคนรักคนแรกของพระเอกละครเรื่อง ไวลด์โรแมนซ์ (Wild Romance) ปรากฏตัวอยู่ประมาณ 8 ตอน ปีนั้น เจสสิกาได้กลับไปแสดงละครเวทีเรื่อง ลีกอลลีบลอนด์ อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน
ในเดือนสิงหาคม 2014 เจสสิกาออกสินค้าสมัยนิยมในชื่อ "บล็องเอต์เอแกลร์" (Blanc & Eclare) ประกอบด้วยเครื่องใช้และเสื้อผ้าสมัยใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความชอบส่วนตัวของเธอเอง เธอกล่าวว่า "ในที่สุดความฝันของฉันที่จะก่อตั้งบล็องก็เป็นจริง ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้พัฒนาสินค้ารวมแฟชั่นและนำเสนอข้าวของกับรูปแบบใหม่ ๆ ให้แก่ชาวโลก ฉันได้เรียนรู้มากมายในงานสร้างสรรค์กับดีไซเนอร์และนักแฟชั่นคนอื่น ๆ และฉันอยากแบ่งปันข่าวสารเรื่องหุ้นส่วนและความร่วมมือที่ฉันมีอยู่เดี๋ยวนี้ต่อไปเป็นระยะ ๆ













___________________________________________________________



Avril Lavigne In A Black Dress wallpaper for Wide 16:10 5:3 Widescreen WHXGA WQXGA WUXGA WXGA WGA ; HD 16:9 High Definition WQHD QWXGA 1080p 900p 720p QHD nHD ; Other 3:2 DVGA HVGA HQVGA devices ( Apple PowerBook G4 iPhone 4 3G 3GS iPod Touch ) ; Mobile WVGA iPhone PSP - WVGA WQVGA Smartphone ( HTC Samsung Sony Ericsson LG Vertu MIO ) HVGA Smartphone ( Apple iPhone iPod BlackBerry HTC Samsung Nokia ) Sony PSP Zune HD Zen ;

Avril Lavigne


แอวริล ราโมนา ลาวีน (อักษรโรมัน: Avril Ramona Lavigne) หรือ แอวริล ลาวีน (อักษรโรมัน: Avril Lavigne; ˈævrɨl ləˈviːn; เกิด 27 กันยายน พ.ศ. 2527) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลงชาวแคนาดาและฝรั่งเศส แอวริล ลาวีน เกิดที่เบลล์วิลล์ ออนทาริโอ และวัยเด็กอาศัยในเมืองนาปานี ตอนอายุ 15 ปี เธอขึ้นร้องเพลงกับชาเนีย ทเวน ตอนอายุ 16 ปี เธอเซ็นสัญญาสองอัลบั้มกับสังกีดเอริสตาเรเคิดส์ มูลค่ามากกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเธออายุ 17 ปี ลาวีนเข้าสู่วงการดนตรีด้วยอัลบั้มเปิดตัว เล็ตโก กลายเป็นหนึ่งในศิลปินแนวป็อปพังก์ที่เป็นที่นิยมที่สุด เป็นเหตุให้เธอได้ชื่อว่าเป็น "นักดนตรีแนวสเกตพังก์" และ "เจ้าหญิงป็อปพังก์" ตั้งแต่เปิดตัว เธอทำยอดขายได้มากกว่า 30 ล้านอัลบั้ม และ 50 ล้านซิงเกิลทั่วโลก
อัลบั้ม เล็ตโก ทำให้ลาวีนเป็นนักร้องหญิงเดี่ยวคนแรกที่ขึ้นอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร นับถึง ค.ศ. 2013 เธอขายได้มากกว่า 7 ล้านชุดในสหรัฐอเมริกา และมากกว่า 16 ล้านชุดทั่วโลก ซิงเกิลที่แจ้งเกิด "คอมพลิเคทิด" ขึ้นอันดับหนึ่งในหลายประเทศทั่วโลก เช่นเดียวกับอัลบั้มเล็ตโก ต่อมา สตูดิโออัลบั้มที่สอง อันเดอร์มายสกิน ออกจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2004 และเป็นอัลบั้มแรกที่ขึ้นอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ด 200 ขายได้มากกว่า 10 ล้านชุดทั่วโลก อัลบั้มที่สาม เดอะเบสต์แดมน์ธิง ออกจำหน่ายในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007 เป็นอัลบั้มที่สามที่ขึ้นอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร และมีซิงเกิลอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100 เพลงแรกคือ "เกิร์ลเฟรนด์" ลาวีนทำเพลงอันดับหนึ่งได้ทั้งหมด 6 เพลงทั่วโลก ได้แก่ "คอมพลิเคทิด" "สเกตเตอร์บอย" "ไอม์วิดยู" "มายแฮปปีเอนดิง" "โนบอดีส์โฮม" และ "เกิร์ลเฟรนด์" ลาวีนเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขายดีเป็นอันดับต้น ๆ ในสหรัฐอเมริกา ทำยอดขายได้ 11 ล้านชุด รับรองโดยสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (RIAA) สตูดิโออัลบั้มที่สี่ กูดบายลัลลาบาย ออกจำหน่ายในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 เป็นอัลบั้มที่ติดสิบอันดับแรกบนบิลบอร์ด 200 ของสหรัฐฯ และในชาร์ตอัลบั้มแห่งสหราชอาณาจักร และเป็นอัลบั้มอันดับ 1 อัลบั้มที่สามในญี่ปุ่น และออสเตรเลีย หลังจากออกอัลบั้มกูดบายลัลลาบายได้ 3 เดือน ลาวีนเริ่มทำอัลบั้มที่ห้าโดยใช้ชื่อตนเองเป็นชื่ออัลบั้ม ออกจำหน่ายโดนสังกัดอีพิกเรเคิดส์ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 หลังจากเธอออกจากสังกัดอาร์ซีเอเรเคิดส์ใน ค.ศ. 2011
ลาวีนเคยพักงานดนตรี และหันไปแสดงภาพยนตร์และออกแบบเสื้อผ้าและน้ำหอม เธอพากย์เสียงเฮเธอร์ ตัวหนูเวอร์จิเนียโอพอสซัม ในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง แก๊งค์สี่ขา ข้ามป่ามาป่วนเมือง เมื่อ ค.ศ. 2006 ในปีเดียวกันนั้น เธอได้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง แฉ! ขบวนการอาหารขยะ ใน ค.ศ. 2008 ลาวีนเปิดตัวชุดเสื้อผ้าแอบบีดอว์น และใน ค.ศ. 2009 เธอออกน้ำหอมชื่อแบล็กสตาร์ และตามด้วยน้ำหอมตัวที่สองชื่อ ฟอร์บิดเดินโรส ใน ค.ศ. 2010 และน้ำหอมตัวที่สามชื่อ ไวลด์โรส ใน ค.ศ. 2011 ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006 ลาวีนสมรสกับคนรักหนุ่ม เดริก วิบลี นักร้องและมือกีตาร์วงซัม 41 หลังคบกันได้สองปี การสมรสยาวนาน 4 ปี และในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009 ลาวีนฟ้องหย่า วิบลีและลาวีนยังคงทำงานกันต่อไป โดยวิบลีผลิตอัลบั้มชุดที่สี่ให้เธอ รวมถึงซิงเกิล "อลิซ" เขียนเพลงนี้ประกอบถาะยนตร์ อลิซในแดนมหัศจรรย์ ของทิม เบอร์ตัน ลาวีนสมรสกับชาด ครูเกอร์ นักร้องนำวงนิกเคลแบ็ก ใน ค.ศ. 2013

Avril Lavigne FHM Australia

Abbey Dawn By Avril Lavigne (click to view)

Avril Lavigne Wallpapers

wallpaper: Avril Lavigne Wallpapers

Avril Lavigne Wallpaper 14 Backgrounds | Wallruru.

Avril Lavigne Background HD Wallpapers #10390 Wallpaper | Risewall.


Avril Lavigne Concert Live Hd Image #4876 Wallpaper | walldesktophd.

Avril_Lavigne_Superpost_De_Imagenes_en_HD!♥ - Taringa!



                        

การเข้าค่ายพักแรม

วิธีการปฎิตนเมื่ออยู่ค่ายพักแรม
การกางเต็นท์และการอยู่ค่ายพักแรมพิธีเปิดกอง     เข้าแถว  -  ชักธงขึ้น  -   สวนมนต์  -   สงบนิ่ง   -   ตรวจสุขภาพ   -   แยก 

การกางเต็นท์เต็นท์หรือกระโจม  ใช้เป็นที่พักผ่อนนอนหลับ และเก็บสิ่งของของลูกเสือซึ่งมีอยู่อยู่ด้วยกันหลายชนิด  ทั้งที่นอนได้คนเดียว  นอนสองคน  หรือนอนหลายคน จะมีชื่อเรียกต่างกันไปตามลักษณะการกาง เช่น  เต็นท์กระแบะ   เต็นท์ชาวค่าย  เต็นท์แบบหลังคาอกไก่  เต็นท์นักสำรวจ  เป็นต้น
การเลือกเต็นท์สำหรับอยู่ค่ายพักแรมนั้น   ควรเลือกที่มีน้ำหนักเบาสามารถที่จะนำไปคนเดียวได้ หรือหมู่ลูกเสือนำไปได้

การเลือกสถานที่กางเต็นท์1. พื้นที่โล่งมีหญ้าปกคลุมบางเล็กน้อย
2. พื้นที่ราบเรียบ  หรือลาดเอียงบ้างเล็กน้อย  ไม่ขุรขระหรือมีของแหลมคม
3. ไม่เป็นแอ่ง  หรือหุบเขาซึ่งเป็นที่น้ำท่วมถึงได้ง่าย 
4. อยู่ใกล้ แหล่งน้ำสะอาดและไม่มีสัตว์เดินผ่าน
5. ไม่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  เพราะอาจถูกกิ่งไม้หล่นทับเมื่อมีพายุ
เต็นท์สำหรับเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรม นิยมใช้เต็นท์เดี่ยว  เรียกว่ากระโจม 5 ชาย 
ส่วนประกอบของกระโจม 5 ชาย  
1. ผ้าเต็นท์สองผืน      2. เสาเต็นท์      3. เชือกดึงเสาหลักมีความยาวเส้นละ 3 เมตร         4. สมอบก  10  ตัว              
5.เชือกร้อยหูเต็นท์มีความยาว 1-1.5  ฟุต

วิธีกางเต็นท์
ก่อนกางเต็นท์เราต้องดูทิศทางลม  ถ้าเป็นฤดูหนาว  หรือฤดูฝนให้ทัน   ด้านหลังเต็นท์สู่ทิศทางลม  แต่ถ้เป็นฤดูร้อนให้หันหน้าเต็นท์สู่ทางลม  การกางเต็นท์  มีวิธีดังนี้
     1. ให้นำผ้าเต็นท์ทั้งสองผืน  ติดกระดุมเข้าด้วยกัน  (ด้านที่ติดกระดุมเป็นด้านสันหลังคา  ส่วนด้านที่มีรูตาไก่ด้านละ สามรู เป็นด้านชายด้านล่าง  ) จากนั้นนำเสาหนึ่งต้นมาเสียบที่รูหลังคาเต็นท์ ให้คนที่หนึ่งจับไว้
      2. ให้คนที่สองใช้เชือกยาว  1 เส้น ยึดจากหัวเสาไปยังสมอบกด้านหน้า  แล้วใช้เชือกสั้น2เส้น  ยึดชายเต็นท์ เข้ากับสมอบก  ให้เต็นท์กางออกเป็นรูปหน้าจั่ว
      3. ให้คนที่สองเดินอ้อมไปอีกด้านจากนั้นจึงเสียบเสาอีกต้นเข้ากับรูหลังคาเต็นท์  และจับเสาไว้แล้วจึงให้คนที่หนึ่ง นำเชือกเส้นยาวยึดจากเสาไปยังสมอบก
      4. ให้ทั้งสองคนช่วยกันใช้เชือกยึดชายเต็นท์  เมื่อกางเต็นท์เสร็จแล้ว เราต้องขุดร่องน้ำรอบเต็นท์ลึกประมาณ  16 เซนติเมตร  ให้ปลายรางน้ำหันไปทางพื้นที่ลาดต่ำ  แล้วนำดินที่ได้มากันไว้ข้างชายเต็นท์เพิ่อป้องกันน้ำซึมและสัตว์เลื้อยคลานเข้าไป

การเก็บรักษาเต็นท์และอุปกรณ์
      1. ระวังอย่าให้เต็นท์ฉีกขาด  หากขาดหรือมีรูต้องรีบปะชุนทันที
      2. ในเวาลกลางวัน  ถ้าอากาศดีต้องเปิดเต็นท์ให้โล่งเพื่อระบายอากาศ
      3. เวลาถอนสมอบกเก็บ  ให้ดึงกลับขึ้นมาจาแนวที่ตอกลงไป อย่างัด
      4. เมื่อเลิกใช้เต็นท์  ต้องพับเก็บให้เรียบร้อย  หากมีรอยสกปรกต้องรีบทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำ หรือผงซักฟอกเช็ด  แล้วผึ่งแดดให้แห้ง

การอยู่ค่ายพักแรมการไปอยู่ค่ายพักแรมจะไปกันเป็นหมู่คณะโดยแต่ละกองก็จะมีผู้กำกับ  และรองผู้กำกับดูแลรับผิดชอบ  ดังนั้นเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะดวก  ในแต่ละหมู่จึงต้องแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในลูกเสือหนึ่งหมู่
นายหมู่จะมีหน้าที่ควบคุมดูแลและรับผิดชอบในหมู่
รองนายหมู่จะมีหน้าที่ช่วยเหลือนายหมู่เวลานายหมู่ไม่อยู่
คนดูแลงานทั่วไปจะมีหน้าที่ทำงานเบ็ดเตล็ดทั่วๆไป
พลาธิการจะมีหน้าที่ดูแลเอาใจใส่อุปกรณ์ของหมู่
คนครัวจะมีหน้าที่ประกอบอาหารสำหรับทุกคนในหมู่
ผู้ช่วยคนครัวจะมีหน้าที่ช่วยเหลือการประกอบอาหาร  ทำครัว
คนหาน้ำจะมีหน้าที่จัดหาน้ำมาใช้ภายในหมู่ให้เพียงพอ
คนหาฟืนจะมีหน้าที่หาเศษไม้กิ่งไม้  มาทำฟืนสำหรับหุ้งต้ม

อาหารที่จะเตรียมไปค่ายพักแรมนั้น  ควรเป็นอาหารที่เก็บได้นาน  ปรุงได้ง่าย  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารแห้ง  เช่น ไข่เค็ม  กุนเชียง   อาหารกระป๋อง  และจะต้องมีพริก   เกลือ  น้ำตาล  เพื่อช่วยในการปรุงรสด้วย

ประโยชน์ของการอยู่ค่ายพักแรม 
1.  เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
2.  เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
3.  ได้ออกกำลังกาย  ทำให้ร่างกายแข็งแรง
4.  ได้ศึกษาประเพณีของท้องถิ่นต่างๆ
5.  ได้ศึกษาความเป็นไปของธรรมชาติ
6.  ได้ทดสอบความอดทน
 ที่มาและได้รับอนุญาตจาก :
มูลนิธิคณะลูกเสือแห่งชาติ.  ลูกเสือ - เนตรนารี ป.5.  พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพฯ :  อักษรเจริญทัศน์.

กิจกรรมการเข้าค่ายพักแรม

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 3 กิจกรรม คือ ได้แก่(1) กิจกรรมแนะแนว (2) กิจกรรมนักเรียน (3) กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี (รวมถึงกิจกรรมยุวกาชาด) เป็นกิจกรรมหนึ่งในกลุ่มกิจกรรมนักเรียน (กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี และกิจกรรมชุมนุม) ที่นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรม 40  ชั่วโมงต่อปีการศึกษา (ระดับประถมศึกษา) และ 40  ชั่วโมงต่อภาคเรียน (ระดับมัธยมศึกษา) โดยสำหรับการจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดจิกกรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Method ) ซึ่งมีองค์ประกอบ 7 ประการ คือ
                1. คำปฏิญาณและกฎ  ถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ลูกเสือทุกคนให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้ลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบัติ ไม่ได้ ห้าม “ทำ” หรือบังคับให้ “ทำ” แต่ถ้า “ทำ” ก็จะทำให้เกิดผลดีแก่ตัวเอง เป็นคนดี เช่น ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติเชื่อถือได้ ฯลฯ
               2. เรียนรู้จากการกระทำ  เป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความสำเร็จหรือไม่สำเร็จของผลงานอยู่ที่การกระทำของตนเอง ทำให้มีความรู้ที่ชัดเจนและสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเองและท้าทายความสามารถของตนเอง
               3. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือและเป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นการเรียนรู้การใช้ประชาธิปไตยเบื้องต้น
               4. การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ฝึกให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือเนตรนารีด้วยการใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ได้แก่ เครื่องแบบ เครื่องหมาย การทำความเคารพ รหัส คำปฏิญาณ กฎ คติพจน์ คำขวัญ ธง เป็นต้น วิธีการนี้จะช่วยให้ผู้เรียนตระหนักและภาคภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือแห่งโลก ซึ่งมีสมาชิกทั่วโลก และเป็นองค์กรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในโลก
               5. การศึกษาธรรมชาติ เป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 ในกิจกรรมของลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใสตามชนบทป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่งมีการในการไปทำกิจกรรมกับธรรมชาติ การปืนเขา ตั้งค่ายพักแรกในสุดสัปดาห์ หรือ ตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรม ตามกฎระเบียบเป็นที่เสน่หาแก่เด็กทุกคน ถ้าขาดการศึกษาธรรมชาติก็ไม่ถือว่าใช้ชีวิตแบบลูกเสือ
               6. ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม  กิจกรรมต่างๆ ที่จัดให้เด็กทำ ต้องให้มีความก้าวหน้าและดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตือรือร้น อยากที่จะทำ และวัตถุประสงค์ในการจัดแต่ละอย่างให้สัมพันธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเล่นที่สนุกสนาน การแข่งขันกันก็เป็นสิ่งดึงดูดใจและเป็นการจูงใจที่ดี
               7. การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ชี้แนะหนทางที่ถูกต้องให้แก่เด็กเพื่อให้เขาเกิดความมั่นใจในการที่จะตัดสินใจกระทำสิ่งใดลงไปทั้งคู่มีความต้องการการซึ่งกันและกัน เด็กก็ต้องการให้ผู้ใหญ่เองก็ต้องการนำพาให้ไปสู่หนทางที่ดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและดีที่สุด จึงเป็นการร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย
scout-camp2สำหรับกิจกรรมเข้าค่ายพักแรมและเดินทางไกลของลูกเสือ-เนตรนารี ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมภาคบังคับหนึ่งที่สำคัญ ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และทุกโรงเรียนจะต้องจัดให้กับผู้เรียน โดยจะจัดในช่วงภาคเรียนที่ 2 ทั้งนี้ ตามข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติ ว่าด้วยการปกครองหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ พ.ศ. 2509 ได้เขียนไว้ ใน ข้อ 273 ว่า การเดินทางไกลและแรมคืน ให้ผู้กำกับกลุ่มหรือผู้กำกับลูกเสือ นำลูกเสือไปฝึกเดินทางไกลและแรมคืนในปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ครั้งหนึ่งให้พักแรมอย่างน้อยหนึ่งคืน การเดินทางไกลและแรมคืน มีวัตถุประสงค์ดังนี้            1. เพื่อให้ลูกเสือ-เนตรนารีได้ฝึกความอดทน ความมีระเบียบวินัย รู้จักช่วยตัวเอง รู้จักอยู่และทำงานร่วมกับผู้อื่น
            2. เพื่อให้ลูกเสือ-เนตรนารีเป็นพลเมืองดี  รู้จักช่วยเหลือสังคมด้วยความเต็มใจ
            3. เพื่อให้ลูกเสือเนตรนารีได้พัฒนาตนเองเต็มศักยภาพจากประสบการณ์ตรงและเรียนรู้เพิ่มเติม
สำหรับการเข้าค่ายพักแรมลูกเสือ-เนตรนารี นั้น ปัจจุบันมีทั้งแบบที่โรงเรียนดำเนินการจัดค่ายเอง และแบบนำนักเรียนไปเข้าค่ายลูกเสือเอกชน ซึ่งก็มีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของผู้บริหารโรงเรียนแต่ละแห่ง แต่ไม่ว่าแบบใดก็ตาม คุณครูที่เป็นผู้กำกับลูกเสือ-เนตรนารี ก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อควบคุมและดูแลนักเรียนให้ได้รับความปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรมและเกิดการเรียนรู้อย่างเต็มที่ และทางโรงเรียนจะต้องวางแผนการจัดการอย่างเป็นระบบและรัดกุมมากที่สุด ทั้งในด้านการคัดเลือกสถานที่จัดกิจกรรมที่จะต้องมีความปลอดภัยสูง มีฐานกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของนักเรียนและสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร รวมถึงการมีวิทยากรผู้กำกับลูกเสือ-เนตรนารี ที่มีประสบการณ์เข้ามาเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรม เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ใหม่ๆ และกรณีที่ต้องนำนักเรียนไปเข้าค่ายพักแรมนอกสถานที่ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากคือ การเดินทางไป-กลับระหว่างโรงเรียนกับค่ายพักแรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการเดินทางไปพักแรมหรือทัศนศึกษาต่างจังหวัด จะต้องคัดเลือกรถที่จะใช้ในการเดินทางที่มีความปลอดภัยสูงสุด และจัดงบประมาณเป็นค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่น ให้กับตำรวจทางหลวง นำขบวนนักเรียนทั้งไปและกลับตลอดเส้นทาง เพื่อให้การเดินทางของนักเรียนเป็นไปโดยสวัสดิภาพ 
scout-camp3
ข้อปฏิบัติในการอยู่ค่ายพักแรม
     1. เชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด

     2. เชื่อฟังคำสั่งของนายหมู่ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาโดยชอบธรรม
     3. คอยฟังสัญญาณหรือคำสั่งจากผู้กำกับโดยพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งโดยฉับพลันและปฏิบัติหน้าที่ที่ได้มอบหมายให้ดีที่สุด
     4. รักษาความสามัคคีในหมู่คณะ
     5. จัดเวรยามดูแลความปลอดภัยของค่ายพักแรม
     6. รักษาความสะอาดในบริเวณที่พัก/ในห้องพักให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ
     7. ไม่นอนในที่พักของผู้อื่น
     8. ไม่ออกนอกบริเวณที่พัก / ค่ายพักโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้กำกับเป็นลายลักษณ์อักษร
     9. ไม่ครอบครองหรือนำยาเสพติด ของมืนเมา และสิ่งอบายมุขต่าง ๆ เข้าไปในค่ายพักแรม
     10.ไม่หยิบฉวยของผู้อื่นด้วยความมักง่าย
     11.ไม่ทำลายสิ่งของต่าง ๆ ของค่ายพักแรมให้เกิดความเสียหาย
     12.หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องรายงานผู้บังคับบัญชาทันที
     ทั้งนี้หากพบว่าลูกเสือไม่ทำตามข้อปฏิบัติในข้อ 7,8,9,10,11 จะดำเนินการส่งตัวกลับบ้านทันทีและไม่ให้ผ่านกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี
คำปฏิญาณของลูกเสือ     ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า
     ข้อ 1. ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 
     ข้อ 2. ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ 
     ข้อ 3. ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ
กฎของลูกเสือ มี  10 ข้อ     ข้อ 1. ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้ 
     ข้อ 2. ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อตรงต่อผู้มีพระคุณ 
     ข้อ 3. ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น
     ข้อ 4. ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก
     ข้อ 5. ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย
     ข้อ 6. ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์
     ข้อ 7. ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดา และผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ
     ข้อ 8. ลูกเสือมีใจร่าเริง และไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก 
     ข้อ 9. ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์ 
     ข้อ 10. ลูกเสือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ 


วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว

น.ส.อาทิตยา เฉลิมวงศ์   ชื่อเล่น อุ้ม 
เกิดวันอังคาร ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2543 
กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/1 
รร.ทับปุดวิทยา

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558



asean258
          อาเซียน (ASEAN) เป็นการรวมตัวกันของ  10  ประเทศ   ในทวีปเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้  ผู้นำอาเซียนได้ร่วมลงนามในปฎิญญาว่าด้วย  ความร่วมมืออาเซียนเห็นชอบ ให้จัดตั้ง  ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community)    คือ   เป็นองค์กรระหว่างประเทศ ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   มีจุดเริ่มต้นโดยประเทศไทย   มาเลเซีย และฟิลิปปินส์   ได้ร่วมกันจัดตั้ง   สมาคมอาสา (Association of South East Asia) เมื่อเดือน ก.ค.2504   เพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ  สังคมและวัฒนธรรม  แต่ 
ดำเนินการ ไปได้เพียง 2 ปี ก็ต้องหยุดชะงักลง  เนื่องจากความผกผันทางการเมือง
ระหว่างประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย จนเมื่อมีการฟื้นฟูสัมพันธ์ทางการฑูต
ระหว่างสองประเทศ
          จึงได้มีการแสวงหาหนทางความร่วมมือกันอีกครั้ง และสำเร็จภายในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) แต่ต่อมาได้ตกลงร่นระยะเวลาจัดตั้งให้เสร็จในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) ในปีนั้นเองจะมีการเปิดกว้างให้ประชาชนในแต่ละประเทศสามารถเข้าไปทำงานในประเทศ  อื่น ๆ ในประชาคมอาเซียนได้อย่างเสรี   เสมือนดังเป็นประเทศเดียวกัน
         ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและการมีงานทำของคนไทย ควรทำความ
เข้าใจในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน

องค์ความรู้ "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) >>ไปที่ http://www.thai-aec.com/

ความเป็นมาของอาเซียน
              สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  (Association  of  Southeast  Asian  Nations  หรือ  ASEAN)  ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ  (Bangkok  Declaration)  หรือ  ปฏิญญาอาเซียน  (ASEAN  Declaration)  เมื่อวันที่  8  สิงหาคม  2510  โดยมีประเทศสมาชิก  5  ประเทศ  ประกอบด้วย  อินโดนีเซีย  มาเลเซีย  ฟิลิปปินส์  สิงคโปร์  และไทย
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการเมือง  เศรษฐกิจและสังคม  ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   ต่อมามีประเทศสมาชิกเพิ่มเติม  ได้แก่  บรูไนดารุส-ซาลาม   เวียดนาม   ลาว   เมียนมาร์  และกัมพูชา  ตามลำดับ   จึงทำให้ปัจจุบันอาเซียน   มีสมาชิก  10  ประเทศ

“อาเซียน” สู่การเป็นประชาคมอาเซียน  ในปี 2558
              ปัจจุบัน  บริบททางการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม   รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก      ทำให้อาเซียนต้องเผชิญ สิ่งท้าทายใหม่ๆ    อาทิ    โรคระบาด    การก่อการร้าย   ยาเสพติด  การค้ามนุษย์  สิ่งแวดล้อม  ภัยพิบัติ  อีกทั้ง  ยังมีความจำเป็นต้องรวมตัวกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและขีดความสามารถทางการแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคใกล้เคียง  และในเวทีระหว่างประเทศ  ผู้นำอาเซียนจึงเห็นพ้องกันว่า  อาเซียนควรจะร่วมมือกันให้เหนียวแน่น  เข้มแข็ง  และมั่นคงยิ่งขึ้น  จึงได้ประกาศ  “ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน  ฉบับที่ 2”  (Declaration  of  ASEAN  Concord  II)  ซึ่งกำหนดให้มีการสร้างประชาคมอาเซียนที่ประกอบไปด้วย  3  เสาหลัก ได้แก่ 
              -  ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political and Security Community - APSC) มุ่งให้ประเทศกลุ่มสมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แก้ไขปัญหาระหว่างกันโดยสันติวิธี มีเสถียรภาพและความมั่นคงรอบด้าน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเหล่าประชาชน
              -  ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC) มุ่งเน้นให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน เพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆได้โดย
              -   ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio - Cultural Community - ASCC) มุ่งหวังให้ประชากรอาเซียนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคงทางสังคม มีการพัฒนาในทุกๆ ด้าน และมีสังคมแบบเอื้ออาร โดยจะมีแผนงานสร้างความร่วมมือ 6 ด้าน คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม สิทธิและความยุติธรรมทางสังคม ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน การลดช่องว่างทางการพัฒนา
              ซึ่งต่อมาผู้นำอาเซียนได้ตกลงให้มีการจัดตั้งประชาคมอาเซียนให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นมาเป็นภายในปี 2558

ประชาคมอาเซียน คือ
              ประชาคมอาเซียน  (ASEAN  Community)  คือ  การรวมตัวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นชุมชนที่มีความแข็งแกร่ง  สามารถสร้างโอกาสและรับมือส่งท้าท้าย  ทั้งด้านการเมืองความมั่นคง  เศรษฐกิจ  และภัยคุกคามรูปแบบใหม่  โดยสมาชิกในชุมชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี  สามารถประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น  และสมาชิก  ในชุมชนมีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
จุดประสงค์หลักของอาเซียน
              ปฏิญญากรุงเทพฯ ได้ระบุวัตถุประสงค์สำคัญ 7 ประการของการจัดตั้งอาเซียน ได้แก่
              1.  ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร
              2.  ส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมิภาค
              3.  เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจพัฒนาการทางวัฒนธรรมในภูมิภาค
              4.  ส่งเสริมให้ประชาชนในอาเซียนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี
              5. ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในรูปของการฝึกอบรมและการวิจัย และส่งเสริมการศึกษาด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
              6. เพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรและอุตสาหกรรม การขยายการค้า ตลอดจนการปรับปรุงการขนส่งและการคมนาคม
              7. เสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนกับประเทศภายนอก องค์การ ความร่วมมือแห่งภูมิภาคอื่นๆ  และองค์การระหว่างประเทศ
ภาษาอาเซียน
              ภาษาทางการที่ใช้ในการติดต่อประสานงานระหว่างประเทศสมาชิก  คือ  ภาษาอังกฤษ
คำขวัญของอาเซียน
                                                        
"หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม”
                                           (One Vision, One Identity, One Community)

อัตลักษณ์อาเซียน             อาเซียนจะต้องส่งเสริมอัตลักษณ์ร่วมกันของตนและความรู้สึกเป็นเจ้าของในหมู่ประชาชนของตน  เพื่อให้บรรลุชะตา  เป้าหมาย  และคุณค่าร่วมกันของอาเซียน
สัญลักษณ์อาเซียน
              คือ   ดวงตราอาเซียนเป็น
              รูปมัดรวงข้าว สีเหลืองบนพื้นวงกลม
              สีแดงล้อมรอบด้วยวงกลมสีขาว  และสีน้ำเงิน
              รวงข้าวสีเหลือง 10 ต้น หมายถึง ความใฝ่ฝันของบรรดาสมาชิกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศ  ให้มีอาเซียนที่ผูกพันกันอย่างมีมิตรภาพและเป็นหนึ่งเดียว
              วงกลม  เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเอกภาพของอาเซียน
              ตัวอักษรคำว่า  asean  สีน้ำเงิน  อยู่ใต้ภาพรวงข้าว  แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อความมั่นคง  สันติภพ  เอกภาพ  และความก้าวหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียน
              สีเหลือง    :   หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
              สีแดง       :    หมายถึง ความกล้าหาญและการมีพลวัติ
              สีขาว       :    หมายถึง ความบริสุทธิ์
              สีน้ำเงิน    :    หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
ธงอาเซียน
              ธงอาเซียนเป็นธงพื้นสีน้ำเงิน  มีดวงตราอาเซียนอยู่ตรงกลาง  แสดงถึงเสถียรภาพ  สันติภาพ  ความสามัคคี  และพลวัตของอาเซียน
สีของธงประกอบด้วย  สีน้ำเงิน  สีแดง  สีขาว  และสีเหลือง  ซึ่งเป็นสีหลักในธงชาติของบรรดาประเทศสมาชิกของอาเซียนทั้งหมด

วันอาเซียน
              ให้วันที่  8  สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันอาเซียน
เพลงประจำอาเซียน (ASEAN  Anthem)
              คือ  เพลง  ASEAN  WAY
กฎบัตรอาเซียน
              กฎบัตรอาเซียน  กำหนดให้อาเซียนและประเทศสมาชิกปฏิบัติตามหลักการดังต่อไปนี้
              1.  เคารพเอกราช  อธิปไตย  ความเสมอภาค  บูรณภาพแห่งดินแดน  และอัตลักษณ์แห่งชาติของรัฐสมาชิกอาเซียนทั้งปวง
              2.  ผูกพันและรับผิดชอบร่วมกันในการเพิ่มพูนสันติภาพ  ความมั่นคง  และความมั่งคั่งของภูมิภาค
              3.  ไม่รุกรานหรือข่มขู่ว่าจะใช้กำลังหรือการกระทำอื่นใดในลักษณะที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
              4.  ระงับข้อพิพาทโดยสันติ
              5.  ไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐสมาชิกอาเซียน
              6.  เคารพสิทธิของรัฐสมาชิกทุกรัฐในการธำรงประชาชาติของตนโดยปราศจากการแทรกแซง  การบ่อนทำลาย  และการบังคับจากภายนอก
              7.  ปรึกษาหารือที่เพิ่มพูนขึ้นในเรื่องที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อผลประโยชน์ร่วมกันของอาเซียน
              8.  ยึดมั่นต่อหลักนิติธรรม  ธรรมาภิบาล  หลักการประชาธิปไตยและรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ
              9.  เคารพเสรีภาพพื้นฐาน  การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  และการส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม
              10.  ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ    รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ  ที่  รัฐสมาชิกอาเซียนยอมรับ
              11.  ละเว้นจากการมีส่วนร่วมในการคุกคามอธิปไตย  บูรณภาพแห่งดินแดนหรือเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของรัฐสมาชิกอาเซียน
              12. เคารพในวัฒนธรรม  ภาษา  และศาสนาที่แตกต่างของประชาชนอาเซียน
              13.  มีส่วนร่วมกับอาเซียนในการสร้างความสัมพันธ์กับภายนอกทั้งในด้านการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม  โดยไม่ปิดกั้นและไม่เลือกปฏิบัติ
              14. ยึดมั่นในกฎการค้าพหุภาคีและระบอบของอาเซียน

                                          กฎบัตรอาเซียน.....(คลิกรายละเอียดเพิ่มเติม)

ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรจาก AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน)
           ประชาคมอาเซียนที่จะถือกำเนิดในปี 2558 นั้น คนไทยจะได้ประโยชน์อะไร แน่นอนเราคงอยากทราบ แต่ในชั้นนี้ขอจำกัดเฉพาะทางเศรษฐกิจก่อน
              ประการแรก ไทยจะ “มีหน้ามีตาและฐานะ” เด่นขึ้นประชาคมอาเซียนจะทำให้เศรษฐกิจ “ของเรา” มีมูลค่ารวมกัน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีขนาดใหญ่อันดับ 9 ของโลก ยังประโยชน์แก่คนไทยทุกคนที่จะได้ยืนอย่างสง่างาม “ยิ้มสยาม” จะคมชัดขึ้น
              ประการที่สอง การค้าระหว่างไทยกับประเทศอาเซียนจะคล่องและขยายตัวมากขึ้น กำแพงภาษีจะลดลงจนเกือบจะหมดไป เพราะ 10 ตลาดกลายเป็นตลาดเดียว ผู้ผลิตจะส่งสินค้าไปขายในตลาดนี้และขยับขยายธุรกิจของตนง่ายขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกมากขึ้นราคาสินค้าจะถูกลง
              ประการที่สาม ตลาดของเราจะใหญ่ขึ้น แทนที่จะเป็นตลาดของคน 67 ล้านคน ก็จะกลายเป็นตลาดของคน 590 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจ เพราะสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยสามารถส่งออกไปยังอีกเก้าประเทศได้ราวกับส่งไปขายต่างจังหวัด ซึ่งก็จะช่วยให้เราสามารถแข่งขันกับจีนและอินเดียในการดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้น
              ประการที่สี่ความเป็นประชาคมจะทำให้มีการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารคมนาคมระหว่างกันเพื่อประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุน แต่ก็ยังผลพลอยได้ในแง่การไปมาหาสู่กัน ซึ่งก็จะช่วยให้คนในอาเซียนมีปฏิสัมพันธ์กัน รู้จักกัน และสนิทแน่นแฟ้นกันมากขึ้น เป็นผลดีต่อสันติสุข ความเข้าใจอันดีและความร่วมมือกันโดยรวม นับเป็นผลทางสร้างสรรค์ในหลายมิติด้วยกัน
              ประการที่ห้า โดยที่ ไทยตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางบนภาคพื้นแผ่นดินใหญ่อาเซียน ประเทศไทยย่อมได้รับประโยชน์จากปริมาณการคมนาคมขนส่งที่จะเพิ่มขึ้นในอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับจีน (และอินเดีย) มากยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ
บริษัทด้านขนส่ง คลังสินค้า ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ จะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน จริงอยู่ ประชาคมอาเซียนจะยังผลทั้งด้านบวกและลบต่อประเทศไทย ขึ้นอยู่กับพวกเราคนไทยจะเตรียมตัวอย่างไร แต่ผลทางบวกนั้นจะชัดเจน เป็นรูปธรรมและจับต้องได้
ที่มา : มติชน